ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยปรับตัวตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ขณะที่ตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้นแม้ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่อ่อนแอก็ตาม
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 15,947.63 จุด เพิ่มขึ้น 68.25 จุด หรือ +0.43% และดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 37,948.35 จุด เพิ่มขึ้น 245.03 จุด หรือ +0.65%
ขณะที่ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียบวก 0.73% และดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.16%
ส่วนตลาดหุ้นจีนยังคงปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน
ตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าในแดนบวก แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า GDP ไตรมาส 4/2566 ของญี่ปุ่นหดตัวลง 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าอาจขยายตัว 1.4% หลังจากที่หดตัวลง 3.3% ในไตรมาส 3/2566
ทั้งนี้ การที่ตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นหดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ส่งผลให้ญี่ปุ่นสูญเสียสถานะการเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกให้กับเยอรมนี โดยขณะนี้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลก
ส่วนตัวเลข GDP ไตรมาส 4/2566 ของสิงคโปร์ขยายตัว 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ว่าจะโต 2.8% เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตหดตัว
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 500 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าvk0เพิ่มขึ้นราว 30,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนม.ค.พุ่งขึ้นเป็น 4.1% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.0% และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2565