ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (15 ก.พ.) โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 34 ปี เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 38,505.89 จุด เพิ่มขึ้น 347.95 จุด หรือ +0.91% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,242.33 จุด เพิ่มขึ้น 297.70 จุด หรือ +1.87%
ขณะที่ดัชนี S&P/ASX200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียบวก 0.52% และดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.59%
ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน และจะกลับมาเปิดทำการซื้อขายอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 19 ก.พ.
ตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคเอเชียได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดและดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮในวันพฤหัสบดี (15 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกลดลงมากกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดมีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)ไตรมาส 4/2566 ของญี่ปุ่นหดตัวลง 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการหดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ส่งผลให้ญี่ปุ่นสูญเสียสถานะการเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกให้กับเยอรมนี โดยขณะนี้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลก
อย่างไรก็ดี การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจญี่ปุ่นทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเป็นพิเศษ (ultra-loose monetary policy) ต่อไปเป็นเวลานานขึ้น