ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (16 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 491.59 จุด เพิ่มขึ้น 3.05 จุด หรือ +0.62%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,768.18 จุด เพิ่มขึ้น 24.76 จุด หรือ +0.32%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,117.44 จุด เพิ่มขึ้น 70.75 จุด หรือ +0.42% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,711.71 จุด เพิ่มขึ้น 114.18 จุด หรือ +1.50%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 2 ปี นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ซึ่งพุ่งขึ้น 2.5% ในสัปดาห์นี้ และแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์
ตลาดได้แรงหนุน เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนเม.ย.
ตลาดหุ้นเยอรมนีและตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวขึ้นต่อในวันศุกร์แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และตลาดหุ้นอังกฤษแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ หลังอังกฤษเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับความเห็นของนายฟรองซัวส์ วิลเลรอย เดอ กัลเฮา ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศสและกรรมการ ECB ที่กล่าวว่า มีเหตุผลที่แข็งแกร่งในการสนับสนุนว่า เหตุใด ECB จึงไม่ควรรอนานเกินไปในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกในปีนี้
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นเมสโต คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์การทำเหมืองแร่ของฟินแลนด์ พุ่ง 9% หลังรายงานผลกำไรไตรมาส 4 สูงกว่าคาด และคาดการณ์แนวโน้มที่สดใส
หุ้นธนาคารแนตเวสต์ของอังกฤษ พุ่ง 7.1% หลังเปิดเผยผลกำไรปี 2566 สูงเกินคาด
หุ้นเอเอสเอ็มแอล โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปของเนเธอร์แลนด์ พุ่ง 1.6% หลังบริษัทแอพพลายด์ แมตทีเรียลส์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ คาดการณ์รายได้ไตรมาส 2 ดีกว่าคาดเนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับชิปที่ใช้ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)