ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผสมผสานในวันนี้ (19 ก.พ.) โดยนักลงทุนจับตาตลาดหุ้นจีนเปิดการซื้อขายอีกครั้งเป็นวันแรกในวันนี้ หลังจากตลาดปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันประธานาธิบดี
ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,176.15 จุด ลดลง 163.81 จุด หรือ -1.00%, ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 38,365.59 จุด ลดลง 121.65 จุด หรือ -0.32% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,891.80 จุด เพิ่มขึ้น 25.90 จุด หรือ +0.90%
ตลาดหุ้นจีนได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ยอดการเดินทางท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นจีนทรุดตัวลงอย่างหนักจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดและวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนเอาไว้ที่ระดับ 2.50% โดยนักวิเคราะห์มองว่าธนาคารกลางจีนมีเป้าหมายที่จะป้องกันความผันผวนของเงินหยวน
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มีขึ้นก่อนที่ธนาคารกลางจีนจะประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีและ 5 ปีในวันพรุ่งนี้ (20 ก.พ.) โดยอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีของจีนเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
สำนักงานคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (19 ก.พ.) ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนธ.ค. 2566 เมื่อเทียบเป็นรายเดือน มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 2.5%
ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐาน ซึ่งมีความผันผวนสูงและถือเป็นตัวบ่งชี้การใช้จ่ายด้านการลงทุนในอีก 6-9 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลง 0.7% ในเดือนธ.ค. ดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอาจลดลง 1.4%