ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าไร้ทิศทางในวันนี้ (21 ก.พ.) หลังตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวานนี้ (20 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลการค้าของญี่ปุ่นและดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ย่ำแย่ลงในกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ในญี่ปุ่น
ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,735.92 จุด เพิ่มขึ้น 488.41 จุด หรือ +3.01%, ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 38,188.85 จุด ลดลง 174.76 จุด หรือ -0.46% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,972.87 จุด เพิ่มขึ้น 50.14 จุด หรือ +1.72%
ดัชนีฮั่งเส็งพุ่งขึ้นโดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์, เทคโนโลยี และการดูแลสุขภาพที่พุ่งขึ้น
ผลสำรวจทังกันของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตของญี่ปุ่นปรับตัวลงในเดือนก.พ. โดยลดลงสู่ -1 เทียบกับระดับ 6 ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นตัวเลขติดลบครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว
ข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยออกมาในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ หลังเศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญภาวะถดถอยทางเทคนิคและสูญเสียสถานะประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลกให้กับเยอรมนี
รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (21 ก.พ.) ว่า ยอดส่งออกเดือนม.ค.ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้ยอดขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นปรับตัวลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 1.76 ล้านล้านเยน (1.174 หมื่นล้านดอลลาร์)
ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 11.9% แตะระดับ 7.33 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 2 แม้ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์ทั่วโลกชะลอตัวลงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก
การนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปรับตัวลงด้วยอัตราเลขสองหลัก ซึ่งส่งผลให้ยอดนำเข้าโดยรวมของญี่ปุ่นในเดือนม.ค.ลดลง 9.6% สู่ระดับ 9.09 ล้านล้านเยน
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงในวันอังคาร โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,563.80 จุด ลดลง 64.19 จุด หรือ -0.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,975.51 จุด ลดลง 30.06 จุด หรือ -0.60% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,630.78 จุด ลดลง 144.87 จุด หรือ -0.92%