ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ รวมทั้ง S&P500 และ Nasdaq ฟิวเจอร์ ต่างก็ดีดตัวขึ้นในช่วงเช้านี้ หลังจากบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2567 พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่ารายได้ในไตรมาสปัจจุบันจะออกมาสูงกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้น 58 จุด หรือ +0.15% แตะที่ระดับ 38,735 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ฟิวเจอร์พุ่งขึ้น 1% และดัชนี S&P500 บวก 0.5%
ราคาหุ้นอินวิเดียทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 11% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2567 อยู่ที่ 5.16 ดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์ของแอลเอสอีจี (LSEG) คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.64 ดอลลาร์ และรายได้รวมอยู่ที่ 2.210 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.062 หมื่นล้านดอลลาร์
ผลประกอบการของอินวิเดียได้รับแรงหนุนจากกระแสความนิยมในชิปที่ใช้กับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่พัฒนาขึ้นบนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของอินวิเดียที่ใช้สำหรับเซิร์ฟเวอร์
อินวิเดียระบุว่า รายได้สุทธิในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2567 อยู่ที่ 1.229 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 769% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 1.41 พันล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้โดยรวมพุ่งขึ้น 265% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนจากยอดขายชิป AI สำหรับใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิป "Hopper" เช่น H100
นอกจากนี้ อินวิเดียคาดการณ์ว่า ยอดขายในไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2568 จะอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.217 หมื่นล้านดอลลาร์
นักลงทุนในตลาดเอเชียจับตาราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับชิปและ AI โดยคาดว่าผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอินวิเดียจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ของอินวิเดียได้แก่ เอสเค ไฮนิกซ์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และบริษัทแอดแวนเทสต์ คอร์ปของญี่ปุ่น