ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (29 ก.พ.) หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดบวกที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ทั้งนี้ ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 38,996.39 จุด เพิ่มขึ้น 47.37 จุด หรือ +0.12%, ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,096.27 จุด เพิ่มขึ้น 26.51 จุด หรือ +0.52% และดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,091.92 จุด เพิ่มขึ้น 144.18 จุด หรือ +0.90%
ดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตัวปิดตลาดเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยดัชนีดาวโจนส์บวก 2.22%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 5.17% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 6.12%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.ปีนี้ หลังการเปิดเผยดัชนี PCE เพิ่มขึ้นตามคาดในเดือนม.ค. ขณะที่การเพิ่มขึ้นในรายปีนั้นน้อยที่สุดในรอบ 3 ปี
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 210,000 ราย
ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ได้แรงหนุนจากหุ้นอินวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.08% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 9.06% โดยหุ้นดังกล่าวและหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ช่วยหนุนตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจที่เกี่ยวกับ AI
หุ้นเดลล์ เทคโนโลยีส์ซึ่งขายเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้กับ AI นั้น พุ่งขึ้น 1.51% ก่อนการรายงานผลประกอบการหลังปิดตลาด
การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดที่สนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยช่วยหนุนตลาดด้วย โดยนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาได้ระบุย้ำถึงมุมมองของเขาที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงฤดูร้อนปีนี้ โดยจะพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจ
ส่วนนายออสเตน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า อุปทานสินค้าและตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้นในปีที่แล้วนั้นจะทำให้เงินเฟ้อลดลงในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่า เขายังคงสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก โดยถูกกดดันจากหุ้นโบอิ้งซึ่งร่วงลง 1.59% หลังมีรายงานว่าบริษัทถูกตรวจสอบโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ
หุ้นสโนว์เฟลก ซึ่งเป็นบริษัทเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลในระบบคลาวด์ ร่วง 18.14% หลังคาดการณ์รายได้ไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด และเปิดเผยว่านายแฟรงค์ สลูตแมน ซีอีโอของบริษัทกำลังจะเกษียณอายุ