ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (29 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนและการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่เป็นไปตามความคาดหมาย ขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมนีแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังการเปิดเผยข้อมูลขั้นต้นบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อชะลอตัวลง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 494.61 จุด เพิ่มขึ้น 0.02 จุด หรือ +0.004%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,927.43 จุด ลดลง 26.96 จุด หรือ -0.34%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,678.19 จุด เพิ่มขึ้น 76.97 จุด หรือ +0.44% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,630.02 จุด เพิ่มขึ้น 5.04 จุด หรือ +0.07%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มประกัน, กลุ่มก่อสร้าง และกลุ่มวัสดุที่ปรับตัวขึ้น 0.1%
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน และการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ตลาดหุ้นเยอรมนีแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ราคาพลังงานที่ลดลงทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่ระดับ 2.7% ในเดือนก.พ.
การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อจากฝรั่งเศสและสเปนลดลงเช่นกัน ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้
ตลาดจะรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนในวันศุกร์นี้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ราว 2.5% ในเดือนก.พ. ลดลงจาก 2.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของ ECB ที่ 2%
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นรายปีน้อยที่สุดในรอบ 3 ปี ซึ่งสนับสนุนแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในกลางปีนี้
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นมงแคลร์ บริษัทสินค้าหรูหราของอิตาลี พุ่ง 5% หลังเปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่ง
หุ้นยูนิเวอร์แซล มิวสิก กรุ๊ป พุ่ง 4.9% หลังเปิดเผยยอดขายไตรมาส 4 ที่สูงกว่าคาด