ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (1 มี.ค.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย และนักลงทุนยังคงขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป ขณะมองข้ามการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อพื้นฐานในยุโรปยังคงอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 497.58 จุด เพิ่มขึ้น 2.97 จุด หรือ +0.60% ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,934.17 จุด เพิ่มขึ้น 6.74 จุด หรือ +0.09%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,735.07 จุด เพิ่มขึ้น 56.88 จุด หรือ +0.32% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,682.50 จุด เพิ่มขึ้น 52.48 จุด หรือ +0.69%
ตลาดหุ้นเยอรมนีแตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ และเป็นตลาดในยุโรปที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในปีนี้
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยนั้นพุ่งขึ้นกว่า 1% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นด้วย หลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 2% ก่อนกลุ่มโอเปกพลัสตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงการผลิต
ตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน อาทิ หุ้นเดมเลอร์ ทรัก พุ่งขึ้น 18.1% หลังเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีดีกว่าคาด และคาดการณ์ผลประกอบการปี 2567 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในช่วงแรกโดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของยูโรโซนยังคงอยู่ในระดับสูง และกิจกรรมการผลิตยังคงหดตัวในเดือนม.ค.
ข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนทำให้โกลด์แมน แซคส์ เลื่อนคาดการณ์กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เป็นครั้งแรกของปีนี้จากเดือนเม.ย. ไปเป็นเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปก็ยังคงได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นรายปีน้อยที่สุดในรอบ 3 ปี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้