ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (5 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ร่วงลงกว่า 1% ด้วยเช่นกัน โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ อาทิ หุ้นแอปเปิ้ล ขณะที่หุ้นชิปฉุดดัชนี Nasdaq ลงมากที่สุด ก่อนสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญและนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,585.19 จุด ลดลง 404.64 จุด หรือ -1.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,078.65 จุด ลดลง 52.30 จุด หรือ -1.02% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 15,939.59 จุด ลดลง 267.92 จุด หรือ -1.65%
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยกลุ่มเทคโนโลยี ร่วง 1.2% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ร่วง 1.3% แต่หุ้นกลุ่มพลังงานบวก 0.7% และหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค บวก 0.3%
ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่เปิดเผยในวันอังคารนั้นเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง โดยข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัว แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว 5.25% นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 ขณะที่ข้อมูลยอดสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าของสหรัฐลดลงมากเกินคาดในเดือนม.ค.
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.3 ในเดือนก.พ. จากระดับ 52.5 ในเดือนม.ค. แต่สูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 51.3 โดยดัชนี PMI ยังคงสูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวในภาคบริการของสหรัฐ โดยเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐดิ่งลง 3.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าคำสั่งซื้อภาคโรงงานลดลงเพียง 2.9% ในเดือนม.ค. และเมื่อเทียบรายปี คำสั่งซื้อภาคโรงงานลดลง 1.6% ในเดือนม.ค.
นักวิเคราะห์ระบุว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงจากแรงขายทำกำไร หลังจากทะยานขึ้น 56% ในปี 2566
หุ้นแอปเปิ้ล ร่วง 2.8% หลังมีรายงานบ่งชี้ว่า ยอดขายไอโฟนในจีนร่วงลง 24% เมื่อเทียบเป็นรายปีในรอบ 6 สัปดาห์แรกของปีนี้ ขณะที่แอปเปิ้ลเผชิญกับการแข่งขันมากขึ้นจากคู่แข่งในจีน เช่น หัวเว่ย
หุ้นเทสลาร่วง 3.9% หลังโรงงานใกล้กรุงเบอร์ลินยุติการผลิต หลังจากต้องสงสัยว่ามีการวางเพลิงเกิดขึ้น
หุ้นไมโครสตราติจี ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาบิตคอยน์ ร่วง 21% หลังประกาศเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน 600 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำเงินไปใช้ในการซื้อบิตคอยน์
ส่วนหุ้นชิปร่วงลง หลังบลูมเบิร์กรายงานว่าบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (AMD) ประสบปัญหาในความพยายามที่จะขายชิป AI ให้กับตลาดจีน เนื่องจากสหรัฐปราบปรามการส่งออกเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำให้กับจีน
ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดฟิลาเดลเฟียปิดร่วงลง 2%
ส่วนหุ้นทาร์เกต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีก พุ่ง 12% สวนทางตลาด หลังคาดการณ์ยอดขายทั้งปีสูงกว่าคาด
บรรดานักลงทุนจะรอดูการแถลงนโยบายการเงินของนายพาวเวลต่อสภาคองเกรสในวันพุธและพฤหัสบดีนี้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
เครื่องมือ FedWatch tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกในปีนี้ในเดือนมิ.ย.