ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (12 มี.ค.) แตะที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นำโดยหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มธนาคาร ขณะที่เทรดเดอร์ยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมิ.ย.หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 506.52 จุด เพิ่มขึ้น 5.03 จุด หรือ +1.00%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,087.48 จุด เพิ่มขึ้น 67.75 จุด หรือ +0.84%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,965.11 จุด เพิ่มขึ้น 218.84 จุด หรือ +1.23% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,747.81 จุด เพิ่มขึ้น 78.58 จุด หรือ +1.02%
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนก.พ.เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินและที่พักอาศัยเพิ่มสูงขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนนั้น เป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายปีนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2564 ก็ตาม ทำให้บรรดาเทรดเดอร์ยังคงคาดว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ ดัชนี STOXX 600 ยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิ.ย. หลังเงินเฟ้อชะลอตัวลงในยูโรโซนในช่วงที่ผ่านมา
ดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์หลังการเปิดเผยข้อมูลยืนยันว่า เงินเฟ้อของเยอรมนีลดลงสู่ระดับ 2.7% ในเดือนก.พ. ขณะที่ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดตลอดกาล และตลาดหุ้นอังกฤษแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566
หุ้นกลุ่มรถยนต์ของยุโรป พุ่งขึ้น 2.4% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นปอร์เช่ที่ทะยานขึ้น 11.5% แม้คาดการณ์กำไรปีนี้อาจลดลงก็ตาม
หุ้นกลุ่มธนาคารที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้น 1.9% โดยปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์วันเดียวมากที่สุดในรอบ 5 เดือน