ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (13 มี.ค.) แตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสาธารณูปโภค หลังการคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจที่สดใส
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 507.33 จุด เพิ่มขึ้น 0.81 จุด หรือ +0.16% โดยแตะระดับสูงสุดตลอดกาลเป็นวันที่ 5 ในรอบ 6 วันทำการที่ผ่านมา
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,137.58 จุด เพิ่มขึ้น 50.10 จุด หรือ +0.62%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,961.38 จุด ลดลง 3.73 จุด หรือ -0.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,772.17 จุด เพิ่มขึ้น 24.36 จุด หรือ +0.31%
นอกจากนี้ การคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.นั้น ได้เป็นแรงหนุนต่อตลาดด้วย
หุ้นกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้น 3.4% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นซาแลนโดซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกแฟชั่นออนไลน์ทะยานขึ้น 18.9% หลังคาดการณ์ว่าบริษัทจะกลับมาขยายตัวในปีนี้ และจะซื้อหุ้นคืนเป็นมูลค่า 100 ล้านยูโร (109 ล้านดอลลาร์)
หุ้นอินดิเทกซ์ เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าซาร่า พุ่ง 7.7% หลังรายงานยอดขายต้นฤดูใบไม้ผลิในเชิงบวก
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค บวก 0.8% หลังหุ้นอี.ออน ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเครือข่ายพลังงานใหญ่ที่สุดของยุโรป พุ่ง 6% หลังปรับเพิ่มเป้าหมายการลงทุนระยะ 5 ปีเป็น 4.2 หมื่นล้านยูโร (4.6 หมื่นล้านดอลลาร์) และคาดการณ์ผลกำไรปีนี้ที่สูงเกินคาด
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ช่วยหนุนตลาดด้วย โดยปรับตัวขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์