ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (18 มี.ค.) นำโดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม และตลาดถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น หลังเงินเฟ้อยูโรโซนเป็นไปตามคตาดในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 503.94 จุด ลดลง 0.86 จุด, -0.17%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,148.14 จุด ลดลง 16.21 จุด หรือ -0.20%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,932.68 จุด ลดลง 3.97 จุด หรือ -0.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,722.55 จุด ลดลง 4.87 จุด หรือ -0.06%
หุ้นกลุ่มเทเลคอมนำตลาดปรับตัวลง โดยร่วงลง 1.4% ซึ่งรุนแรงสุดในรอบ 3 เดือน แต่หุ้นกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ปรับตัวขึ้น 0.9%, หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ เพิ่มขึ้น 0.5% หลังราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 86 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ก่อนปรับตัวลง เนื่องจากยูเครนเพิ่มการโจมตีสาธารณูปโภคด้านพลังงานของรัสเซีย และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 0.4% เนื่องจากนักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมนักพัฒนาประจำปีที่จัดโดยบริษัทอินวิเดีย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของเยอรมนีปรับตัวขึ้น 0.02% สู่ระดับ 2.458% หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อยูโรโซนเพิ่มขึ้นตามคาดที่ 2.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนก.พ. และ 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
ตลาดคาดการณ์ในขณะนี้ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.83% ในปีนี้ ขณะที่นายปาโบล เฮอร์นันเดซ เด คอส กรรมการ ECB ยืนยันว่า ECB อาจจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. หลังจากเงินเฟ้อในยูโรโซนลดลง
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ, ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางอังกฤษในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การผ่อนคลายนโยบายการเงินทั่วโลก