ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (19 มี.ค.) นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงินและพลังงาน ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 505.23 จุด เพิ่มขึ้น 1.29 จุด หรือ +0.26%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,201.05 จุด เพิ่มขึ้น 52.91 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,987.49 จุด เพิ่มขึ้น 54.81 จุด หรือ +0.31% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,738.30 จุด เพิ่มขึ้น 15.75 จุด หรือ +0.20%
ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวปิดบวกหลังปรับตัวลง 3 วันติดต่อกัน โดยกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นมากที่สุด 1.4% ตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน
หุ้นกลุ่มการเงินช่วยหนุนตลาดด้วย โดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร บวก 1.1% นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ของเยอรมนี
หุ้นยูนิลีเวอร์ พุ่งขึ้น 3.1% หลังประกาศแผนแยกธุรกิจไอศกรีม และประกาศโครงการลดต้นทุนซึ่งจะปรับลดงาน 7,500 ตำแหน่ง
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง 0.4% ซึ่งส่งผลถ่วงตลาด
ตลาดยังได้แรงหนุนหลังสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ZEW เปิดเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีปรับตัวขึ้นดีกว่าคาดในเดือนมี.ค.จากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง รวมถึงมีสัญญาณบวกจากจีน
บรรดานักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันพุธนี้ หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐที่ร้อนแรงกว่าคาด ทำให้บรรดาเทรดเดอร์ลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนมิ.ย.
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ยุติการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบที่ดำเนินมานาน 8 ปีในวันอังคาร และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะประชุมและประกาศมติอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้