ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 200 จุด ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังตลาดพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้
ณ เวลา 23.26 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 39,574.75 จุด ลบ 206.62 จุด หรือ 0.52%
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ต่างดีดตัวขึ้นวานนี้ และทำสถิติปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2 วันติดต่อกัน
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเกือบ 3% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และมีแนวโน้มทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2566 ขณะที่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 2.4% และ 2.7% ตามลำดับ
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ รวมทั้งการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการประชุมเฟด
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิ.ย. ก่อนที่เฟดจะปรับลดต่อไปในเดือนก.ย. และธ.ค.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์หน้า (29 มี.ค.)
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)