ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดร่วงลงกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังตลาดพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 21.36 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 39,359.86 จุด ลบ 116.04 จุด หรือ 0.29%
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นราว 2% ในสัปดาห์ที่แล้ว ทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2566 ขณะที่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 2.3% และ 2.9% ตามลำดับ
ราคาหุ้นของบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ บริษัทอัลฟาเบท อิงค์ และบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ อิงค์ ต่างปรับตัวลงในการซื้อขายวันนี้ หลังสหภาพยุโรป (EU) เปิดการสอบสวนภายใต้กฎหมายควบคุมตลาดดิจิทัล
ราคาหุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้นกว่า 2% สวนทางตลาด ขานรับการยกเครื่องฝ่ายบริหารครั้งใหญ่ ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับอุบัติเหตุหลายครั้งที่เกิดขึ้นจนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยของเครื่องบินโบอิ้ง
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.4% เช่นกันในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. จากระดับ 0.3% ในเดือนม.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.8% เช่นกันในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. จากระดับ 0.4% ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันศุกร์ เนื่องในวัน Good Friday