ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร (26 มี.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,282.33 จุด ลดลง 31.31 จุด หรือ -0.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,203.58 จุด ลดลง 14.61 จุด หรือ -0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,315.70 จุด ลดลง 68.77 จุด หรือ -0.42%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์แกว่งตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะปิดตลาดอ่อนแรงลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ของสหรัฐในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.4% เช่นกันในเดือนม.ค. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนม.ค.
นักลงทุนได้ปรับเพิ่มน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในเดือนมิ.ย. โดยล่าสุดเครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70.4% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในการประชุมเดือนมิ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 59.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 1.14% และดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.76% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 0.34% และ 0.20% ตามลำดับ
หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งพัสดุรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 8.16% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด
หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 2% หลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของโบอิ้ง ซึ่งบ่งชี้ถึงการขาดความเชื่อมั่นที่มีต่อโบอิ้ง ภายหลังจากบริษัทเผชิญข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 ของสายการบินอลาสก้า แอร์ไลน์ประสบเหตุแผงประตูหลุดออกขณะบินอยู่กลางอากาศ จนต้องลงจอดฉุกเฉินเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ซึ่งส่งผลให้สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) มีคำสั่งระงับการใช้งานเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย
หุ้นทรัมป์ มีเดีย แอนด์ เทคโนโลยี กรุ๊ป คอร์ป (Trump Media & Technology Group Corp - TMTG) ทะยานขึ้น 16.1% ปิดที่ระดับ 57.99 ดอลลาร์ ในการซื้อขายวันแรก โดยบริษัท TMTG เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างบริษัททรูธ โซเชียล (Truth Social) ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และบริษัทดิจิทัล เวิลด์ แอคควิซิชัน คอร์ป (Digital World Acquisition Corp - DWAC)
หุ้นแมคคอร์มิค (McCormick) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องปรุงรสรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 10.52% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายและกำไรที่สูงเกินคาดในไตรมาส 1
สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากดิ่งลง 6.9% ในเดือนม.ค.
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 104.7 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 104.8 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 106.9
ทางด้านเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 6.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565 และปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 หลังจากเพิ่มขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค.
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์นี้ (29 มี.ค.) เนื่องในวัน Good Friday *