ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันอังคาร (2 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากความวิตกที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้นักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง แม้หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นช่วยลดช่วงติดลบในตลาดก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,935.09 จุด ลดลง 17.53 จุด หรือ -0.22%
ตลาดปรับตัวลง แม้ผลสำรวจบ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตของอังกฤษขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 20 เดือนในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของเมื่อปีที่แล้วได้สิ้นสุดลงแล้ว
ราคาบ้านของอังกฤษเพิ่มขึ้นในเดือนที่แล้วในอัตรารวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565 และราคาสินค้าในร้านค้าปรับตัวขึ้นในอัตราชะลอตัวที่สุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนมี.ค.
ตลาดถูกกดดันจากหุ้นซูเปอร์ดรายซึ่งทำธุรกิจด้านแฟชั่น ร่วงลง 55% หลังนายจูเลียน ดันเคอร์ตัน ซีอีโอและผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะไม่เสนอซื้อกิจการของซูเปอร์ดรายที่กำลังประสบปัญหา
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้น 3.1% สวนทางตลาด เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในปีนี้
หุ้นกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 2.7% หลังข้อมูลการผลิตที่แข็งแกร่งของจีนหนุนราคาทองแดงพุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ขณะที่กลุ่มเหมืองโลหะมีค่า พุ่ง 2.3% หลังราคาทองทะยานขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ บวก 0.4% จากแนวโน้มการรับรู้ผลกำไรราว 4.9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากเสร็จสิ้นการขายธุรกิจในแคนาดาให้กับรอยัล แบงก์ ออฟ แคนาดา ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เอชเอสบีซีกำลังสำรวจการขายธุรกิจในเยอรมนีด้วย