ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (3 เม.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคบริการที่อ่อนแอกว่าคาด และเงินเฟ้อยูโรโซนที่ลดลงตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 510.02 จุด เพิ่มขึ้น 1.45 จุด หรือ +0.29%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,153.23 จุด เพิ่มขึ้น 23.18 จุด หรือ +0.29%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,367.72 จุด เพิ่มขึ้น 84.59 จุด หรือ +0.46% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,937.44 จุด เพิ่มขึ้น 2.35 จุด หรือ +0.03%
ดัชนี STOXX 600 ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันในรอบ 2 สัปดาห์ หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้จากความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และความเชื่อมั่นเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ช่วยหนุนตลาดในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา
บาร์เคลยส์ปรับเพิ่มคาดการณ์เป้าหมายดัชนี STOXX 600 สิ้นปีนี้อยู่ที่ระดับ 540 จุด จาก 510 จุด โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย, หุ้นราคาถูกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 51.4 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 52.6 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.7 และดัชนีราคาที่ภาคธุรกิจจ่ายลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อลดลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเงินเฟ้อยูโรโซนที่ลดลงด้วย โดยตัวเลขเบื้องต้นที่เผยแพร่ในวันพุธ (3 เม.ย.) ระบุว่า เงินเฟ้อในยูโรโซนชะลอตัวสู่ระดับ 2.4% ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะทรงตัวที่ระดับ 2.6%
นายปาโบล เฮอร์นันเดซ เด คอส กรรมการ ECB เปิดเผยหลังการรายงานข้อมูลดังกล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.
ขณะที่ตลาดคาดว่า ECB จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมสัปดาห์หน้า แต่คาดว่ามีโอกาส 71% ที่ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมิ.ย.
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 1.4% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2561 และหุ้นกลุ่มธนาคารยูโรโซน บวก 1.5%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 0.9% ขณะที่เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในไต้หวันทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันในอุตสาหกรรมชิปซึ่งหนุนตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นในไตรมาส 4/2566