ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (5 เม.ย.) หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งได้ตอกย้ำมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แม้บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,904.04 จุด เพิ่มขึ้น 307.06 จุด หรือ +0.80%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,204.34 จุด เพิ่มขึ้น 57.13 จุด หรือ +1.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,248.52 จุด เพิ่มขึ้น 199.44 จุด หรือ +1.24%
แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.3%, ดัชนี S&P500 ลดลง 1% และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.8%
หุ้นทุกกลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร, กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวขึ้นมากที่สุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 303,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 205,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.8% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%
ข้อมูลการจ้างงานดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐปิดไตรมาสแรกได้อย่างแข็งแกร่ง
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย
ขณะนี้ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ โดยลดลงจาก 3 ครั้งที่คาดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นคริสปี้ ครีม พุ่งขึ้น 7.3% หลังนักวิเคราะห์ของไพเพอร์ แซนด์เลอร์แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นตัวนี้ จากเดิมที่แนะนำลงทุนเท่ากับตลาด
หุ้นช็อกเวฟ เมดิคัล พุ่ง 2% หลังจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ตกลงที่จะซื้อหุ้นช็อกเวฟ เมดิคัลซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ในวงเงิน 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์
แต่หุ้นเทสลาร่วง 3.6% สวนทางตลาด หลังสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เทสลาได้ยกเลิกการผลิตรถรุ่นราคาถูก ซึ่งมีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จะช่วยผลักดันการขยายตลาดของเทสลา