ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (5 เม.ย.) และปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเห็นในเชิงคุมเข้มนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,911.16 จุด ลดลง 64.73 จุด หรือ -0.81%
ตลาดทั่วโลกถูกกดดันจากข่าวที่ว่า อิสราเอลเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่จะถูกการตอบโต้ หลังสังหารนายพลอิหร่านหลายคนในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรียในสัปดาห์นี้ และนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลกล่าวว่า อิสราเอลจะตอบโต้ใครก็ตามที่ทำอันตรายต่ออิสราเอลหรือวางแผนที่จะทำ
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด หลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 แต่กดดันหุ้นกลุ่มเดินทาง
ตลาดถูกกดดันหลังตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดี ขณะที่นายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนีแอโพลิสส่งสัญญาณว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งและเงินเฟ้อไม่ชะลอตัวลงตามที่เฟดคาดหวังไว้
บรรดานักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมิ.ย.หรือส.ค.
ฮาลิแฟกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้จำนองเปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษลดลง 1% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2566
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นริโอ ทินโต ร่วง 2.4% หลังผู้ถือหุ้นเรียกร้องให้บริษัทดำเนินการด้านประเด็นสิ่งแวดล้อม
หุ้นโอคาโด กรุ๊ป ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ ร่วงเกือบ 9% หลังประกาศว่านายริค เฮย์ธอร์นธเวต จะลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทโอคาโด