ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (9 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากแรงเทขายหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวกับการผลิตอาวุธ ขณะที่นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้นเพื่อรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ และการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 505.82 จุด ลดลง 3.11 จุด หรือ -0.61%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,049.17 จุด ลดลง 70.13 จุด หรือ -0.86%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,076.69 จุด ลดลง 242.28 จุด หรือ -1.32% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,934.79 จุด ลดลง 8.68 จุด หรือ -0.11%
หุ้นกลุ่มธุรกิจการบินและอวกาศและการป้องกันของยุโรป ร่วงลง 3.7% ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 1 ปี โดยบรรดาเทรดเดอร์เริ่มวิตกเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มนี้ ซึ่งได้แรงหนุนจากค่าใช้จ่ายด้านการทหารที่เพิ่มขึ้นหลังจากรัสเซียบุกโจมตียูเครนในเดือนก.พ. 2565 เนื่องจากนักวิเคราะห์มองว่ามูลค่าหุ้นกลุ่มนี้อาจสูงเกินไปแล้ว
หุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตอาวุธ อาทิ หุ้นซาบ (SAAB) ของสวีเดน, หุ้นลีโอนาโดของอิตาลี, หุ้นไรน์เมทัลของเยอรมนี และหุ้นทาเลสของฝรั่งเศส ร่วงลงมากที่สุดราว 4.9-9.8%
หุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซนร่วงลง 1% หลังผลสำรวจของ ECB บ่งชี้ว่า ธนาคารลดข้อจำกัดในการอนุมัติเงินกู้จำนองในไตรมาสแรกเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี แต่ความต้องการสินเชื่อยังคงลดลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะงักงัน
แต่หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับตัวขึ้น 1.4% สวนทางตลาด โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้
สำหรับการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวังก่อนสหรัฐรายงานข้อมูลเงินเฟ้อในวันพุธนี้ และก่อน ECB ประกาศมติอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดี ซึ่งอาจบ่งชี้แนวโน้มเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางรายใหญ่ในปีนี้