ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (12 เม.ย.) หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในการซื้อขายช่วงเช้า ขณะที่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 505.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด หรือ +0.14%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,010.83 จุด ลดลง 12.91 จุด หรือ -0.16%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,930.32 จุด ลดลง 24.16 จุด หรือ -0.13% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,995.58 จุด เพิ่มขึ้น 71.78 จุด หรือ +0.91%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นมากถึง 1.2% ในระหว่างวัน แต่ปิดลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
ดัชนีความผันผวน (euro STOXX volatility index) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. ซึ่งสะท้อนถึงความวิตกของนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนมี.ค.ของบรรดาประเทศชั้นนำในยูโรโซน อาทิ เยอรมนี, ฝรั่งเศส และสเปน
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.4% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน พุ่ง 2.4% สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี เนื่องจากราคาทองแดงพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565
แต่หุ้นกลุ่มรถยนต์ รวมถึงกลุ่มเดินทางและนันทนาการ ปรับตัวลง
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราลดลง 1.3% แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน โดยหุ้นแอลวีเอ็มเอช และหุ้นริชมอนด์ ร่วงลง 1.2% และ 3% ตามลำดับ