ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดในแดนบวกวันนี้ (15 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ประกอบกับผลประกอบการของโกลด์แมน แซคส์ ที่ดีกว่าการคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะไม่รุนแรงไปมากกว่านี้
ณ เวลา 20.54 น. ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ระดับ 38,312.81 จุด บวก 329.57 จุด หรือ 0.87%
การซื้อขายได้รับแรงหนุน หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงมีความต้องการแข็งแกร่งแม้เผชิญปัญหาเศรษฐกิจ และส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสแรกจะแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของการใช้จ่ายทั้งหมดของชาวสหรัฐ ซึ่งใช้ประเมินภาวะเศรษฐกิจได้
นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯ ยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนก.พ. ด้วย จากเดิมที่รายงานว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% เป็นเพิ่มขึ้น 0.9%
ส่วนในภาคธุรกิจก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน โดยโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ ได้ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปีนี้ในวันนี้ โดยกำไรและรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจเทรดและวาณิชธนกิจ
โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 11.58 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.56 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้น 16% แตะ 1.421 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.292 หมื่นล้านดอลลาร์
รายงานดังกล่าวส่งผลให้หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้นถึง 4.75%
ขณะนี้นักลงทุนได้หันไปจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ รวมถึงทิศทางเงินเฟ้อเพื่อประเมินโอกาสในเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แทนแล้ว เพราะนักลงทุนมองว่า ปัญหาความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านไม่น่าจะถึงขั้นทำสงครามเต็มรูปแบบ
คณะผู้แทนถาวรอิหร่านประจำสหประชาชาติระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลถือว่ายุติลงแล้ว ซึ่งทำให้สถานการณ์ดูรุนแรงน้อยลง และลดความกังวลเรื่องโอกาสในการที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะบานปลายเป็นสงคราม