ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (15 เม.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากอิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 505.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.68 จุด หรือ +0.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,045.11 จุด เพิ่มขึ้น 34.28 จุด หรือ +0.43%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,026.58 จุด เพิ่มขึ้น 96.26 จุด หรือ +0.54% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,965.53 จุด ลดลง 30.05 จุด หรือ -0.38%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมัน ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้
หุ้นโลจิเทค ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สัญชาติสวิส-อเมริกัน ดิ่งลง 6.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโลจิเทคลงสู่ระดับ "underweight" จากระดับ "equal-weight"
หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์หรูฟื้นตัวขึ้น หลังจากดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ (12 เม.ย.) โดยหุ้น LVMH และหุ้นแอร์เมส ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1%
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกและโดรนหลายร้อยตัวโจมตีอิสราเอลเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 เม.ย.) เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายซึ่งรวมถึงนายโมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่าน
ทั้งนี้ แม้ว่ากองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) สามารถยิงสกัดขีปนาวุธและโดรนเหล่านั้นได้เกือบทั้งหมด แต่การที่อิหร่านโจมตีดินแดนอิสราเอลโดยตรงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปีนั้น ได้ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะใช้มาตรการตอบโต้อิหร่าน