ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ (16 เม.ย.) โดยนักลงทุนยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และหันมาให้ความสนใจกับผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ
ณ เวลา 18.17 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 101 จุด หรือ +0.27% สู่ระดับ 38,094 จุด
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 4.65% หลังจากที่เมื่อวานนี้ ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งเป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจสหรัฐจบไตรมาสแรกด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน ชาวอิสราเอลกำลังรอคำตอบว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู จะตอบโต้การโจมตีโดยตรงครั้งแรกของอิหร่านอย่างไร ขณะที่นานาชาติกดดันอิสราเอลไม่ให้ตอบโต้เนื่องจากกังวลว่าสถานการณ์ความขัดแย้งอาจทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดในคืนนี้ โดยคาดหวังว่านายพาวเวลจะแสดงมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.4% และสูงกว่าเดือนก.พ.ที่ปรับตัวขึ้น 3.2%
ทั้งนี้ เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า มีโอกาส 48% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงในเดือนก.ค.
สำหรับการรายงานผลประกอบการ กลุ่มบริษัทการเงินจะเป็นจุดสนใจของคืนนี้ โดยแบงก์ออฟอเมริกา (Bank of America), มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) และบีเอ็นวาย เมลลอน (BNY Mellon) มีกำหนดรายงานตัวเลขประจำไตรมาสก่อนเปิดตลาด
นอกจากนี้ บริษัทผู้ผลิตยา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) ก็มีกำหนดรายงานผลประกอบการก่อนตลาดเปิดเช่นกัน
หุ้นสหรัฐถูกเทขายในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนปรับเปลี่ยนความคาดหวังเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ โดยข้อมูลล่าสุดจาก LSEG ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 0.43% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในช่วงต้นปีว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 1.50%
ด้านหุ้นเทสลา (Tesla) ร่วงลง 2.1% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด หลังจากร่วงลงกว่า 5% ในวันก่อนหน้า หลังสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานบันทึกภายในบริษัท ซึ่งระบุว่า เทสลาเตรียมเลิกจ้างพนักงานกว่า 10% ทั่วโลก