ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (16 เม.ย.) และเป็นการร่วงลงวันเดียวมากที่สุดในรอบ 9 เดือน โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มธนาคารนำตลาดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเนื่องจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 498.21 จุด ลดลง 7.72 หรือ -1.53%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,932.61 จุด ลดลง 112.50 จุด หรือ -1.40%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,766.23 จุด ลดลง 260.35 จุด หรือ -1.44% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,820.36 จุด ลดลง 145.17 จุด หรือ -1.82%
ดัชนี STOXX 600 ปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนที่เพิ่มขึ้นส่งผลกดดันตลาดหุ้น
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานร่วงลง 3.1% ซึ่งเป็นการร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนส.ค. เนื่องจากราคาทองแดงปรับตัวลงหลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอ และดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 2.6% และร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. โดยถูกกดดันจากหุ้นเอชเอสบีซี และหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ที่ร่วงลง 3%
หุ้นกลุ่มรถยนต์, ประกัน และพลังงาน ร่วงลงราว 2%
ตลาดหุ้นเยอรมนี, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน ปรับตัวลงมากกว่า 1% ท่ามกลางการเทขายหุ้นทั่วโลกเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่โลกรอการตอบโต้ของอิสราเอลต่อการโจมตีโดยตรงครั้งแรกของอิหร่าน
ส่วนจุดสนใจของตลาดในขณะนี้อยู่ที่การรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียน โดยข้อมูลจาก LSEG คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปอาจลดลง 12.1% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบเป็นรายปี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย โดยมอร์แกน สแตนลีย์และดอยซ์ แบงก์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% ในปีนี้