ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (23 เม.ย.) โดยปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ หลังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 507.79 จุด เพิ่มขึ้น 5.48 จุด หรือ +1.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,105.78 จุด เพิ่มขึ้น 65.42 จุด หรือ +0.81%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,137.65 จุด เพิ่มขึ้น 276.85 จุด หรือ +1.55% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,044.81 จุด เพิ่มขึ้น 20.94 จุด หรือ +0.26%
ราคาหุ้นได้ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางคลี่คลายลง, บริษัทต่าง ๆ รายงานผลประกอบการเชิงบวก และนักลงทุนมีความหวังมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้
สำหรับข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจโดยรวมในยูโรโซนนั้นขยายตัวในอัตราเร็วที่สุดในรอบเกือบ 1 ปีในเดือนเม.ย. โดยการฟื้นตัวของภาคบริการได้ช่วยชดเชยการชะลอตัวของภาคการผลิต
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.6% หลังบริษัท SAP รายงานรายได้จากธุรกิจคลาวด์ในไตรมาสแรกพุ่ง 24% สู่ระดับ 3.93 พันล้านยูโร (4.19 พันล้านดอลลาร์) โดยได้แรงหนุนจากความต้องการซอฟต์แวร์ด้านการวางแผนทรัพยากรธุรกิจ
หุ้นกลุ่มค้าปลีก ปรับตัวขึ้นด้วย 2.2% โดยหุ้นเอชแอนด์เอ็ม (H&M) พุ่งขึ้น 4.2% หลังมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นดังกล่าว
หุ้นเจดี สปอร์ตส แฟชั่นของอังกฤษ พุ่งขึ้น 3.8% หลังเสนอซื้อบริษัทฮิบเบตต์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าแฟชั่นด้านกีฬาของสหรัฐเป็นมูลค่าราว 1.08 พันล้านดอลลาร์
หุ้นนอร์ดเน็ต ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มด้านการธนาคารของสวีเดน พุ่ง 9.0% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกสูงเกินคาด
หุ้นโนวาร์ติส ซึ่งเป็นบริษัทยาของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 1.8% เนื่องจากบริษัทปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการทั้งปี หลังรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกสูงเกินคาด