ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (23 เม.ย.) หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง และการเปิดเผยผลประกอบการในเชิงบวกของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,044.81 จุด เพิ่มขึ้น 20.94 จุด หรือ +0.26%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันแล้ว หลังพุ่งแตะ 8,076.52 จุด โดยทำลายสถิติสูงสุดครั้งก่อนที่ 8,047.06 จุดที่เข้าทดสอบในเดือนก.พ. 2566
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้น, เงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง, การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตอาวุธ และความหวังครั้งใหม่เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในเร็ว ๆ นี้นั้น ได้ช่วยหนุนดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นในปีนี้ และนักลงทุนได้พากันเข้าซื้อหุ้นอังกฤษซึ่งยังคงมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก
หุ้นแอสโซซิเอเต็ด บริติช ฟู้ดส์ (ABF) พุ่งขึ้น 9% ขานรับการคาดการณ์ผลกำไรทั้งปีเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากรายงานผลกำไรครึ่งปีแรกพุ่งขึ้น 39%
หุ้นค้าปลีกอื่น ๆ อาทิ หุ้นโอคาโด พุ่งขึ้น 5.4% หลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า โอคาโดเป็นบริษัทค้าปลีกของอังกฤษที่ขยายตัวเร็วที่สุด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจากราคาขายปลีกลดลงเป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกันในเดือนเม.ย. โดยได้แรงหนุนบางส่วนจากการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมการโปรโมชั่นของซูเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ
หุ้นเจดี สปอร์ตส แฟชั่น พุ่งขึ้น 3.8% หลังเสนอซื้อบริษัทฮิบเบตต์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าแฟชั่นด้านกีฬาของสหรัฐเป็นมูลค่าราว 1.08 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองโลหะมีค่า ร่วงลง 1.8% และกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมร่วง 1.5% หลังจากราคาโลหะปรับตัวลงจากระดับสูงในช่วงที่ผ่านมา