ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (30 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่บ่งชี้ว่า ต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงินในวันอังคารและพุธนี้เพื่อกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,815.92 จุด ลดลง 570.17 จุด หรือ -1.49%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,035.69 จุด ลดลง 80.48 จุด หรือ -1.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,657.82 จุด ลดลง 325.26 จุด หรือ -2.04%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดลบ นำโดยกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งร่วงลง 2.89% และ 2.66% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวลง 0.11%
ข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า ต้นทุนแรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในไตรมาส 1/2567 ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านค่าแรงที่เพิ่มขึ้น โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนแรงงานที่กว้างที่สุด เพิ่มขึ้น 1.2% ในไตรมาส 1/2567 เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 ปี และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในไตรมาส 4/2566
นอกจากนี้ ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐย่ำแย่ลงในเดือนเม.ย. โดยลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง โดย Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 97 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2565 จากระดับ 103.1 ในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 104
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวมีขึ้นก่อนเฟดสิ้นสุดการประชุม 2 วันในวันพุธนี้ ซึ่งนักลงทุนคาดการณ์กันในวงกว้างว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง
หุ้นของบริษัทใหญ่ที่สุด 7 แห่งปิดลดลงเป็นส่วนใหญ่ อาทิ หุ้นเทสลา, อัลฟาเบท, อินวิเดีย, ไมโครซอฟท์ และอะเมซอน
ข้อมูลจากแอลเอสอีจี (LSEG) บ่งชี้ว่า ตลาดการเงินปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.31% ในปีนี้ ลดลงจากราว 1.50% ที่คาดไว้ในช่วงต้นปี
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นจีอี เฮลท์แคร์ร่วงลงหลังรายงานรายได้ไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด แต่หุ้น 3M ปรับตัวขึ้นหลังรายงานผลกำไรเพิ่มขึ้นเกินคาด
นอกจากนี้ หุ้นอีไล ลิลลี และหุ้นเพย์พาล พุ่งขึ้น หลังทั้งสองบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรทั้งปี