ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพุธ (1 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนมีความระมัดระวังในการซื้อขายก่อนรู้ผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประกาศหลังปิดตลาดลอนดอนไปแล้ว
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,121.24 จุด ลดลง 22.89 จุด หรือ -0.28%
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซร่วงลง 1.7% หลังราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 2% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด, แนวโน้มการทำข้อตกลงหยุดยิงในตะวันออกกลาง และเงินเฟ้อที่ระดับสูงในสหรัฐ
บรรดานักลงทุนคาดว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมวันพุธนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อในสหรัฐยังอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรอฟังความเห็นจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า ตลาดคาดการณ์ในขณะนี้ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.30% ในปีนี้ ลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะปรับลด 1.50%
ส่วนเทรดเดอร์คาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงราว 0.38% ในปีนี้ และธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเกือบ 0.60%
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า การผลิตของอังกฤษหดตัวลงในเดือนเม.ย. และแรงกดดันด้านต้นทุนเพิ่มขึ้น แม้อัตราการลดลงน้อยกว่าคาดก็ตาม
หุ้นเชลล์ร่วงลง 1.5% หลังเปิดเผยว่า บริษัทถอนตัวออกจากตลาดพลังงานของจีน อันเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันของนายเวล ซาแวน ซีอีโอ ที่ต้องการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่สามารถทำกำไรได้มากกว่า
หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น (GSK) พุ่ง 1.9% สวนทางตลาด หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรทั้งปี และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก