ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวในวันจันทร์ (13 พ.ค.) ขณะนักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจากยูโรโซนและข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 520.86 จุด เพิ่มขึ้น 0.10 จุด หรือ +0.02%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,209.28 จุด ลดลง 9.86 จุด หรือ -0.12%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,742.22 จุด ลดลง 30.63 จุด หรือ -0.16% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,414.99 จุด ลดลง 18.77 จุด หรือ -0.22%
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และดัชนีราคาผู้บริโภค (PPI) ในวันอังคารและพุธนี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ส่วนในยูโรโซนนั้น นักลงทุนจะรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในสัปดาห์นี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งมีการคาดกันว่าอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมิ.ย.
หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้นนำตลาด โดยฟื้นตัวหลังจากลดลง 4 วันติดต่อกัน ขณะที่หุ้นกลุ่มบริษัทค้าอาวุธ ปรับตัวลงมากที่สุด 1.2%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ของเดนมาร์ก พุ่งขึ้น 3% หลังสำนักงานยาของเดนมาร์กระบุว่า เดนมาร์กเผชิญกับการขาดแคลนยาเวโกวี (Wegovy) ซึ่งเป็นยาลดน้ำหนักในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น
หุ้นเอพี โมลเลอร์-เมอส์ก ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือของเดนมาร์ก พุ่งขึ้น 7% โดยได้แรงหนุนจากอัตราค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณการค้าที่เพิ่มขึ้นและจากวิกฤตในทะเลแดง