ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกที่ระดับสูงสุดตลอดกาลในวันพุธ (15 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนบางส่วนจากหุ้นกลุ่มสร้างบ้านท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,445.80 จุด เพิ่มขึ้น 17.67 จุด หรือ +0.21% หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระหว่างวันที่ 8,474.71 จุดก่อนลดช่วงบวกลง
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นสหรัฐแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย. ซึ่งหนุนการคาดการณ์ของตลาดการเงินที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.
การคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดและธนาคารกลางรายใหญ่อื่นๆ ส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและอังกฤษ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอังกฤษลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.
บรรดาเทรดเดอร์ปรับตัวรับโอกาส 56% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจาก 50% ก่อนการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
ความหวังเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงหนุนหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ หุ้นกลุ่มสร้างบ้านและกลุ่มทรัสต์เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ (REITs)
หุ้นกลุ่มสร้างบ้านพุ่ง 2.8% สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ ขณะที่ REITs พุ่งสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
หุ้นเอ็กซ์พีเรียนซึ่งเป็นบริษัทข้อมูลเครดิตพุ่ง 8.1% หลังคาดการณ์การขยายตัวของรายได้ระหว่าง 6-8% สำหรับปีงบการเงิน 2568
หุ้นอินเทอร์เนชันแนล ดีสทริบิวชันส์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของรอยัล เมล์ พุ่ง 16.0% หลังเปิดเผยว่าบริษัทจะตกลงกับข้อเสนอเทกโอเวอร์วงเงิน 3.5 พันล้านปอนด์ (4.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หากนายแดเนียล เครตินสกี เศรษฐีชาวเช็กยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ