ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (16 พ.ค.) หลังจากทะยานขึ้นเหนือระดับ 40,000 จุดเป็นครั้งแรกในระหว่างวัน ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,869.38 จุด ลดลง 38.62 จุด หรือ -0.10%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,297.10 จุด ลดลง 11.05 จุด หรือ -0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,698.32 จุด ลดลง 44.07 จุด หรือ -0.26%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระหว่างวันก่อนที่จะปิดตลาดอ่อนแรงลง โดยดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 40,051.05 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่หลังทะยานขึ้นเหนือระดับ 5,300 จุดเป็นครั้งแรกในวันพุธ (15 พ.ค.) และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทวอลมาร์ทเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 40,000 จุดในระหว่างวัน ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่การคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และกระแสความนิยมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 2 ครั้งในปีนี้ และให้น้ำหนัก 70% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. โดยการคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาดในเดือนเม.ย.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นแตะระดับ 4.38% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนซึ่งรวมถึงนายโทมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์แสดงความเห็นว่า เฟดควรรอให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงมากกว่านี้ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มวัสดุปรับตัวลง 0.75% และ 0.73% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคดีดตัวขึ้น 1.48%
หุ้นวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐพุ่งขึ้น 7% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 60 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 1.651 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.5950 แสนล้านดอลลาร์
หุ้นชับบ์ (Chubb) ซึ่งเป็นบริษัทประกันของสวิตเซอร์แลนด์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.7% หลังจากมีรายงานว่า นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าของบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัทชับบ์จำนวน 26 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ชับบ์กลายเป็นบริษัทที่เบิร์กเชียร์ถือหุ้นมากที่สุดเป็นอันดับที่ 9 ณ สิ้นเดือนมี.ค.2567
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 5.7% สู่ระดับ 1.36 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.42 ล้านยูนิต
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผย การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐทรงตัวในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค. โดยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค