ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (21 พ.ค.) ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขณะที่นักลงทุนประเมินการแสดงความเห็นครั้งล่าสุดของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) อย่างใกล้ชิด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,872.99 จุด เพิ่มขึ้น 66.22 จุด หรือ +0.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,321.41 จุด เพิ่มขึ้น 13.28 จุด หรือ +0.25% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,832.62 จุด เพิ่มขึ้น 37.75 จุด หรือ 0.22%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ปรับตัวขึ้น 0.97% และ 0.60% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอุตสาหกรรม ลดลง 0.51% และ 0.33% ตามลำดับ
อินวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่อันดับ 3 ในวอลล์สตรีทเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการภายหลังจากตลาดปิดทำการในวันพุธ (22 พ.ค.) โดยคาดว่าผลประกอบการของอินวิเดียจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาดที่มีนัยสำคัญ และจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะสามารถรักษาแรงบวกต่อไปได้หรือไม่
หุ้นอินวิเดียปิดตลาดปรับตัวขึ้น 0.64% ในวันอังคาร และนับตั้งแต่ต้นปี 2567 หุ้นอินวิเดียพุ่งขึ้นราว 93% หลังจากทะยานขึ้นเกือบ 240% ในปี 2566
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างส่งสัญญาณว่า เฟดควรรอหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชะลอตัวของเงินเฟ้อ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 64.8% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.
หุ้นเจพีมอร์แกนปิดตลาดปรับตัวขึ้น 2.01% โดยราคาหุ้นฟื้นตัวหลังจากที่ดิ่งลง 4.5% ในวันจันทร์ และเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารในดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นด้วย
หุ้นโลว์ส (Lowe's) ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 1.8% หลังจากบริษัทระบุว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Margin) อาจชะลอตัวลงในไตรมาส 2/2567
หุ้นเมซีส์ (Macy's) ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.13% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 27 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 15 เซนต์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรในปีงบการเงิน 2567