ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (21 พ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายหุ้นเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษและรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ (22 พ.ค.)
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 522.95 จุด ลดลง 0.94 จุด หรือ -0.18%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,141.46 จุด ลดลง 54.51 จุด หรือ -0.67%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,726.76 จุด ลดลง 42.20 จุด หรือ -0.22% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,416.45 จุด ลดลง 7.75 จุด หรือ -0.09%
หุ้นกลุ่มต่าง ๆ ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ นำโดยหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มร่วงลง 0.83% ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น 0.75%
หุ้นดาวเลส กรุ๊ป (Dowlais Group) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยานยนต์ ร่วงลง 6.12% ขณะที่หุ้นทอมรา ซิสเต็มส์ (Tomra Systems) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องจักร ดิ่งลงกว่า 5%
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) พุ่งขึ้น 2.2% ซึ่งเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน หลังจากบริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มรายได้รวมเป็น 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573 ซึ่งเพิ่มขึ้น 75% จาก 4.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างส่งสัญญาณว่า เฟดควรรอหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชะลอตัวของเงินเฟ้อ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนเม.ย.ของอังกฤษในวันนี้เช่นกัน ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเยอรมนีลดลงเกินคาดในเดือนเม.ย โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ ดัชนี PPI ของเยอรมนีลดลง 3.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 3.1% และหากไม่รวมราคาพลังงาน ดัชนี PPI ในเดือนเม.ย. 2567 ลดลง 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี