ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพุธ (22 พ.ค.) ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษที่สูงเกินคาดได้ลดโอกาสที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,370.33 จุด ลดลง 46.12 จุด หรือ -0.55%
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์โดยแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนและอยู่ที่ 1.2728 ดอลลาร์
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนเม.ย. ชะลอลงจากการเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนมี.ค. แต่สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 2.1%
โกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์ และบาร์เคลย์สเปิดเผยในวันพุธว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ BoE ในเดือนมิ.ย.นั้น มีแนวโน้มลดลง ขณะที่นักลงทุนในตลาดเงินคาดการณ์ในขณะนี้ว่า มีโอกาส 62% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย.
หุ้นกลุ่มเหมืองโลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรมปรับตัวลง 2.7% และ 2.4% ตามลำดับ ตามทิศทางราคาทองคำและทองแดงที่ลดลง
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงด้วย หลังราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 1% จากการคาดการณ์ที่ว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอาจยังคงอยู่ที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น
ผลสำรวจของรอยเตอร์บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า ดัชนี FTSE 100 จะร่วงลง 1.4% แตะ 8,300 จุดภายในสิ้นปีนี้ และจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 9,300 จุดในสิ้นปี 2568
ตลาดคาดการณ์เกี่ยวกับการประกาศการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยสื่อท้องถิ่นรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 4 ก.ค.นี้
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่ง 5.2% สวนทางตลาด หลังรายงานผลกำไรทั้งปีเพิ่มขึ้น 58% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้