ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (29 พ.ค.) เนื่องจากความวิตกที่ว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงเป็นเวลานานนั้นได้ดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น และข้อมูลใหม่ที่บ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนียังคงอยู่ในระดับสูงนั้นได้เพิ่มความวิตกดังกล่าว
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 513.45 จุด ลดลง 5.63 จุด หรือ -1.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,935.03 จุด ลดลง 122.77 จุด หรือ -1.52%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,473.29 จุด ลดลง 204.58 จุด หรือ -1.10% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,183.07 จุด ลดลง 71.11 จุด หรือ -0.86%
ดัชนี STOXX 600 ปิดลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของเยอรมนี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนและอยู่ที่ 2.685% หลังเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดสู่ระดับ 2.8% ในเดือนพ.ค.
ความวิตกเกี่ยวกับการตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงอีกนานของธนาคารกลางรายใหญ่นั้นส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า มีโอกาสเกือบ 90% ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเริ่มวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลง โดยกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน ร่วงลงราว 2%
บรรดานักลงทุนจะรอการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ และการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซน
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 3.1% หลังบีเอชพี กรุ๊ปเปิดเผยว่า บีเอชพีไม่ตั้งใจที่จะเสนอซื้อกิจการแองโกล อเมริกันอย่างเป็นทางการ และยกเลิกข้อตกลงเทกโอเวอร์มูลค่า 4.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังแองโกล อเมริกัน ปฏิเสธที่จะขยายกำหนดเส้นตายสำหรับการเสนอซื้อกิจการ