ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันอังคาร (4 มิ.ย.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มทรัพยากรที่ปรับตัวลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่นักลงทุนประเมินโอกาสที่สหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังกิจกรรมการผลิตลดลง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,232.04 จุด ลดลง 30.71 จุด หรือ -0.37%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าปรับตัวลง โดยร่วงลง 3.8% หนักสุดในรอบกว่า 1 เดือน หลังราคาทองปรับตัวลงมากกว่า 1% เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
หุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ บีพี และเชลล์ ร่วง 3.8% และ 2.1% ตามลำดับ หลังจากเอสแอนด์พี โกลบอล ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของบีพีลง และราคาน้ำมันร่วงลงมากกว่า 1%
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2567
ขณะที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้น 2.0% สวนทางตลาด โดยเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด
บรรดานักลงทุนประเมินแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. หลังกิจกรรมการผลิตของสหรัฐลดลงเป็นเดือนที่ 2 และการเปิดรับสมัครงานลดลงมากเกินคาด
อย่างไรก็ตาม จุดสนใจในตลาดอยู่ที่การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ และคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นคาร์นิวัล พุ่งขึ้น 7.3% สวนทางตลาด หลังบริษัทพีล ฮันท์ ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนจาก เพิ่ม เป็น ซื้อ