ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 96.04 จุด, S&P500 ทำนิวไฮ รับความหวังเฟดหั่นดบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 6, 2024 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (5 มิ.ย.) ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งความหวังที่ว่าข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,807.33 จุด เพิ่มขึ้น 96.04 จุด หรือ +0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,354.03 จุด เพิ่มขึ้น 62.69 จุด หรือ +1.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,187.90 จุด เพิ่มขึ้น 330.86 จุด หรือ +1.96%

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร พุ่งขึ้น 2.68% และ 1.51% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ปรับตัวลง 0.58% และ 0.22% ตามลำดับ

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 152,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 188,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.

ส่วนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลงสู่ระดับ 8.06 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564

ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มผ่อนคลายลง และอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 69% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 50% ในการสำรวจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอยังส่งผลให้อัตราผลตอนแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ด้วย

โซลิตา มาร์เซลลี นักวิเคราะห์จากบริษัท UBS Global Wealth Management คาดการณ์ว่า ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 5,500 จุดภายในสิ้นปีนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด, ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

หุ้นบริษัทผลิตชิปพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 5.16% ปิดที่ระดับ 1,224.40 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของอินวิเดียทะยานขึ้นแตะระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก และทำให้อินวิเดียแซงหน้าแอปเปิ้ลขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก

นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกาคาดการณ์ว่า ราคาหุ้นอินวิเดียมีโอกาสพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,500 ดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าหุ้นอินวิเดียมีแนวโน้มที่จะทะยานขึ้นกว่า 22% จากระดับปิดของวันพุธ (5 มิ.ย.)

หุ้นฮิวเล็ตต์ แพคการ์ด เอนเตอร์ไพรซ์ พุ่งขึ้น 10.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการเซิร์ฟเวอร์ AI

หุ้นดอลลาร์ ทรี (Dollar Tree) ซึ่งเป็นเครือข่ายค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4.9% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์กำไรที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้ บริษัทจะทำการสำรวจทางเลือกต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการขายหรือแยกธุรกิจแฟมิลี ดอลลาร์ (Family Dollar)

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9% ในเดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ