ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (6 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มเฮลท์แคร์ แม้ตลาดปิดต่ำกว่าระดับสูงของวัน หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2562 แต่กำหนดเวลาของการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคตนั้นยังไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 524.68 จุด เพิ่มขึ้น 3.45 จุด หรือ +0.66%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,040.12 จุด เพิ่มขึ้น 33.55 จุด หรือ +0.42%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,652.67 จุด เพิ่มขึ้น 76.73 จุด หรือ +0.41% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,285.34 จุด เพิ่มขึ้น 38.39 จุด หรือ +0.47%
ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2562 โดยระบุถึงความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อ แม้ยอมรับว่า การต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่สิ้นสุดก็ตาม
ทั้งนี้ ECB มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันพฤหัสบดี (6 มิ.ย.) ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 3.75% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 4.50% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 4.25%
ECB คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 2.2% ในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 2% ซึ่งหมายความว่าเงินเฟ้อจะอยู่สูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของ ECB ไปจนถึงปีหน้า
นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า มีกรรมการ ECB เพียงรายเดียวที่คัดค้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มธนาคารนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยพุ่งขึ้น 1.7% ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ บวก 1.4% โดยหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ พุ่งเกือบ 4% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดบวก 1.2% ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2543 โดยหุ้น SAP ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ของเยอรมนี พุ่ง 3.6% หลังนายคริสเตียน คลีน ซีอีโอ เปิดเผยแนวโน้มที่สดใสสำหรับปี 2569 และ 2570
หุ้น ASML ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของเนเธอร์แลนด์ พุ่ง 1.5%
หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวลง 0.9% และ 0.6% ตามลำดับ