ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (7 มิ.ย.) หลังการซื้อขายผันผวน ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่ทำให้เกิดความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปนานกว่าที่บรรดานักลงทุนคาดไว้
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,798.99 จุด ลดลง 87.18 จุด หรือ -0.22%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,346.99 จุด ลดลง 5.97 จุด หรือ -0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,133.12 จุด ลดลง 40.00 จุด หรือ -0.23%
แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 0.29%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.32% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.38%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 272,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%
ดัชนี S&P500 ปรับตัวลงทันทีหลังรายงานดังกล่าว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น เนื่องจากเทรดเดอร์ปรับลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. แต่ดัชนีฟื้นตัวขึ้นและแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระหว่างวันครั้งใหม่ เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ข้อมูลการจ้างงานบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค, กลุ่มวัสดุ และกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร ปรับตัวลงมากที่สุด ขณะที่กลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ในขณะนี้ว่า มีโอกาส 56% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์หน้า และการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันของเฟดในวันที่ 11-12 มิ.ย.นี้
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นอินวิเดียลดลง 0.1% โดยปรับตัวลงต่อจากวันพฤหัสบดี (6 มิ.ย.) และมูลค่าตามราคาตลาดของหุ้นอินวิเดียลดลงต่ำกว่าระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์