ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (1 ก.ค.) นำโดยตลาดหุ้นฝรั่งเศส หลังเนชันแนล แรลลี (RN) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดมีคะแนนนำสูงเป็นประวัติการณ์ในการเลือกตั้งรัฐสภารอบแรก แต่น้อยกว่าที่ผลสำรวจคาดไว้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 513.04 จุด เพิ่มขึ้น 1.62 จุด หรือ +0.32%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,561.13 จุด เพิ่มขึ้น 81.73 จุด หรือ +1.09%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,290.66 จุด เพิ่มขึ้น 55.21 จุด หรือ +0.30% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,166.76 จุด เพิ่มขึ้น 2.64 จุด หรือ +0.03%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังติดลบ 4 วันติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นฝรั่งเศส
พรรคอาร์เอ็นและพันธมิตรได้คะแนนเสียง 33% ตามมาด้วยพรรคฝ่ายซ้าย 28% และพรรคสายกลางของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงได้คะแนนเพียง 20% ส่วนผลการเลือกตั้งสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองก่อนการเลือกตั้งรอบสองในวันที่ 7 ก.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวลง 0.8% โดยหุ้นเบชเทิล (Bechtle) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านระบบไอทีของเยอรมนีร่วงลง 5.9% หลังเอ็กเซน บีเอ็นพี พาริบาส์ ปรับลดอันดับความน่าลงทุน
หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 2.8% หลังระงับการผลิตที่เหมืองถ่านหินกรอสเวเนอร์ในออสเตรเลียหลังเกิดเพลิงไหม้ใต้ดิน
หุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งประกอบด้วยธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส อาทิ บีเอ็นพี พาริบาส์, โซซิเอเต้ เจเนเรล และเครดิต อากริโคล พุ่งขึ้น 2.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นวันเดียวมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี
บรรดานักลงทุนจะจับตาการแสดงความเห็นของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังจากปิดตลาด และการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนในวันอังคารนี้
ข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาสเกือบ 50% ที่ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนก.ย.