ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 18.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 136 จุด หรือ 0.34% สู่ระดับ 39,375 จุด
สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเตรียมเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ในคืนนี้
ทั้งนี้ JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดอุปสงค์และภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานลดลงสู่ระดับ 7.960 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค.
ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานลดลงสู่ระดับ 8.059 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.พ.2564 โดยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานลดลงเป็นเดือนที่ 2 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.4 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 8.36 ล้านตำแหน่งในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 189,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. จากระดับ 272,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.0%
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงใน 2 เวทีสำคัญในคืนนี้และสัปดาห์หน้า เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในคืนนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ในการประชุมที่จัดขึ้นโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB)
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันที่ 9 ก.ค. ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 10 ก.ค.
ตลาดจับตาถ้อยแถลงดังกล่าวของนายพาวเวล ซึ่งจะมีขึ้นก่อนการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 30-31 ก.ค.
รายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในการประชุมเฟดบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้
อย่างไรก็ดี FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. และปรับลดอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่ชะลอตัวลง
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)