ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรชะลอตัวในเดือนมิ.ย. ขณะที่อัตราว่างงานสูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 39,331.67 จุด บวก 23.67 จุด หรือ 0.06%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 206,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 218,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.0%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 218,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 272,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี ช่วงบวกของดัชนีดาวโจนส์ถูกจำกัด ขณะที่ตลาดกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานดังกล่าว
"แม้ว่าในด้านหนึ่ง การปรับลดตัวเลขจ้างงานในเดือนพ.ค.และการดีดตัวขึ้นของอัตราว่างงานช่วยเพิ่มโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. แต่ตัวเลขเดียวกันนี้ก็ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งข้อมูลแรงงานในวันนี้บ่งชี้ถึงภาวะอ่อนตัวของเศรษฐกิจ" นางซีมา ชาห์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Principal Asset Management กล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันที่ 9 ก.ค. ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 10 ก.ค.
แถลงการณ์ดังกล่าวของนายพาวเวลจะมีขึ้น ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 30-31 ก.ค.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. และปรับลดอีกครั้งในเดือนธ.ค. แม้รายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในการประชุมเฟดบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้