ดาวโจนส์พลิกดีดบวก หลังร่วงกว่า 100 จุดในช่วงแรก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 9, 2024 23:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกดีดตัวสู่แดนบวก หลังร่วงลงกว่า 100 จุดในช่วงแรก ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็ดีดตัวแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสในคืนนี้

ณ เวลา 23.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 39,412.05 จุด บวก 67.26 จุด หรือ 0.17% ขณะที่ดัชนี S&P 500 บวก 0.2% และ Nasdaq บวก 0.11%

ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า การที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเกินไปและนานเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

"แม้มีความคืบหน้าในการปรับลดเงินเฟ้อและลดความร้อนแรงในตลาดแรงงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เงินเฟ้อไม่ใช่ความเสี่ยงประการเดียวที่เราเผชิญ แต่การผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ช้าเกินไปหรือน้อยเกินไปอาจสร้างความอ่อนแอต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน" นายพาวเวลกล่าวในแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันนี้ ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้

นายพาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับตลาดแรงงาน แม้มีการชะลอตัวลงบ้างในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เงินเฟ้อได้ชะลอตัวลง ขณะที่เฟดยังคงมีความมุ่งมั่นในการทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมาย 2%

"หลังจากที่ขาดความคืบหน้าในการทำให้เงินเฟ้อไปสู่เป้าหมาย 2% ในช่วงแรกของปีนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อรายเดือนครั้งล่าสุดก็ได้แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้า และถ้าหากยังคงมีข้อมูลที่ดีปรากฎออกมาอีก ก็จะช่วยให้เรามีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวไปสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน" นายพาวเวลกล่าว

ขณะเดียวกัน นายพาวเวลกล่าวว่า ข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ได้ชะลอตัวก็ตาม

"อุปสงค์ภายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ผู้บริโภคเพิ่มการใช้จ่าย แม้มีการชะลอตัวลง" นายพาวเวลกล่าว

ด้านนายไมค์ วิลสัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวเตือนนักลงทุนให้ระวังการปรับฐานอย่างรุนแรงในตลาดหุ้นสหรัฐ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

"ผมคิดว่ามีแนวโน้มอย่างมากที่ดัชนี S&P 500 จะปรับฐาน 10% ในระหว่างนี้จนถึงการเลือกตั้ง และตลาดจะปรับตัวอย่างผันผวนในไตรมาส 3" นายวิลสันกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อ Bloomberg Television

นายวิลสันกล่าวว่า ตลาดหุ้นยังคงถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมทั้งการที่บริษัทต่างๆ มีอำนาจลดลงในการกำหนดราคา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ

"บริษัทโดยเฉลี่ยไม่ได้มีผลประกอบการที่ดี โดยดัชนี S&P 500 ที่พุ่งขึ้นเกือบ 17% นับตั้งแต่ต้นปีนี้นั้น ได้แรงหนุนจากบริษัทเพียงไม่กี่แห่ง และค่า P/E ที่พุ่งขึ้นก็ได้ทำให้ราคาหุ้นไม่เป็นที่น่าสนใจ" นายวิลสันกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ