ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (11 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ลดลงเกินคาด ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 519.51 จุด เพิ่มขึ้น 3.09 จุด หรือ +0.60%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,627.13 จุด เพิ่มขึ้น 53.58 จุด หรือ +0.71%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,534.56 จุด เพิ่มขึ้น 127.34 จุด หรือ +0.69% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,223.34 จุด เพิ่มขึ้น 29.83 จุด หรือ +0.36%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในช่วงเช้าก่อนลดช่วงบวกลง โดยตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีในเดือนมิ.ย. เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินและค่าเช่าที่พักอาศัยลดลง ซึ่งตอกย้ำการลดลงของเงินเฟ้อ และสนับสนุนโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.
ตลาดการเงินคาดการณ์ในขณะนี้ว่า มีโอกาสมากกว่า 85% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเงินเฟ้อของเยอรมนีที่ลดลงสู่ระดับ 2.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยโพลของรอยเตอร์คาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอีก 2 ครั้งในปีนี้ในเดือนก.ย.และธ.ค.
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภคหนุนตลาดขึ้นมากที่สุด
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นดีเอ็นบี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของนอร์เวย์ พุ่ง 5.8% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 สูงเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ