ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (15 ก.ค.) ทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เหตุการณ์ลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นแรงส่งให้นายทรัมป์คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจะเปิดทางให้เขาเร่งผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวยต่อภาคธุรกิจ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,211.72 จุด เพิ่มขึ้น 210.82 จุด หรือ +0.53%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,631.22 จุด เพิ่มขึ้น 15.87 จุด หรือ +0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,472.57 จุด เพิ่มขึ้น 74.12 จุด หรือ +0.40%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เหตุการณ์ลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลให้นายทรัมป์คว้าชัยชนะเหนือประธานาธิบดีโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้นายทรัมป์ดำเนินนโยบายการค้าแบบเชิงรุก, เดินหน้าปรับลดภาษี และผ่อนคลายกฎระเบียบในด้านต่าง ๆ เป็นวงกว้าง ตั้งแต่กฎระเบียบด้านสภาพภูมิอากาศไปจนถึงกฎระเบียบด้านคริปโทเคอร์เรนซี
อดัม ไครซาฟูลลี ผู้ก่อตั้งสถาบัน Vital Knowledge กล่าวว่า "ทรัมป์มีคะแนนนำไบเดนอยู่ก่อนแล้ว และเหตุการณ์ลอบสังหารนี้จะยิ่งทำให้คะแนนนิยมของทรัมป์ทิ้งห่างไบเดนออกไปอีก"
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ออกรายงานระบุว่า "ในการเลือกตั้งประธานาธืบดี 5 ครั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นของบรรดาซีอีโอ, ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และโดยเฉพาะความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก มักขานรับชัยชนะของพรรครีพับลิกันมากกว่าพรรคเดโมแครต และความเชื่อมั่นดังกล่าวนำไปสู่การใช้จ่ายและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นชัยชนะของทรัมป์จะช่วยกระตุ้นแนวโน้มกำไรของภาคธุรกิจ"
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 3 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ โดยการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนก.ย.
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดีซี เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ว่า เฟดจะไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ก่อนที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับภาวะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง หลังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงิน พุ่งขึ้น 1.56% และ 1.42% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลงมากที่สุด โดยร่วงลง 2.36%
หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2/2567 ที่ระดับ 8.62 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.34 ดอลลาร์ และมีรายได้อยู่ที่ 1.273 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.246 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นทรัมป์ มีเดีย แอนด์ เทคโนโลยี กรุ๊ป คอร์ป (TMTG) ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม ทรูธ โซเชียล (Truth Social) ทะยานขึ้น 31.4% ขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่านายทรัมป์จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนพุ่งขึ้น ขานรับความหวังที่ว่าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายทรัมป์จะเป็นปัจจัยสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี โดยหุ้นคอยน์เบส (Coinbase) พุ่งขึ้น 11.4% หุ้นไรออท แพลตฟอร์มส์ (Riot Platforms) พุ่งขึ้น 17% และหุ้นมาราธอน ดิจิทัล (Marathon Digital) ทะยานขึ้น 18.34%
ส่วนหุ้นบริษัทอื่น ๆ ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากชัยชนะของนายทรัมป์นั้น หุ้นสมิธ แอนด์ เวสสัน (Smith & Wesson) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตปืนรายใหญ่ของสหรัฐ และหุ้นจีอีโอ กรุ๊ป (GEO Group) ซึ่งเป็นธุรกิจบริหารจัดการเรือนจำ พุ่งขึ้น 11.4% และ 9.3% ตามลำดับ