ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันจันทร์ (15 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนแอลงและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเมืองสหรัฐ ขณะที่หุ้นเบอเบอร์รีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปี
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,182.96 จุด ลดลง 69.95 จุด หรือ -0.85%
ตลาดปรับตัวลงหลังบวก 3 วันติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากหุ้นเบอเบอร์รีที่ร่วงลง 16% หลังประกาศเตือนเกี่ยวกับผลกำไร และเปลี่ยนซีอีโอคนใหม่
หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลร่วงลงราว 12% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2553
หุ้นกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมร่วงลง 1.5% หลังจากราคาทองแดงลดลงจากแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแอในจีนซึ่งเผชิญกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง, การปล่อยกู้ที่อ่อนแอ และสต็อกที่เพิ่มขึ้น
ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐส่งผลให้เกิดความวิตกในตลาดทั่วโลก หลังความพยายามลอบสังหารประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตของอังกฤษในสัปดาห์นี้ ก่อนการประชุมครั้งถัดไปของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในเดือนหน้า
สวาติ ธิงกรา ผู้กำหนดนโยบายของ BoE กล่าวว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษไม่น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง และ BoE ควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสกว่า 50% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนส.ค.