ดาวโจนส์หยุดไม่อยู่ พุ่งกว่า 500 จุดทำนิวไฮ ขานรับยอดค้าปลีก,ผลประกอบการแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 16, 2024 22:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 500 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับยอดค้าปลีกที่ดีกว่าคาด ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค และทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ณ เวลา 21.54 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 40,791.61 จุด บวก 579.89 จุด หรือ 1.44%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.0% หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.3% หลังจากปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ค.

เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนมิ.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค.

หากไม่รวมยอดขายรถยนต์และน้ำมัน ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.3% ในเดือนพ.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของแบงก์ ออฟ อเมริกา และมอร์แกน สแตนลีย์ในวันนี้

ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากคาดการณ์ที่ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวขึ้น หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. เนื่องจากพรรครีพับลิกันมีนโยบายที่เป็นมิตรต่อภาคธุรกิจ ซึ่งจะทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น และส่งผลบวกต่อตลาด

นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งของนายทรัมป์จะช่วยลดโอกาสในการเกิดเหตุจลาจลในสหรัฐ ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในตลาด

ขณะเดียวกัน นักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งกล่าววานนี้ว่า เฟดจะไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมาย 2% ก่อนที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย

นายพาวเวลกล่าวถ้อยแถลงดังกล่าวที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดีซี (Economic Club of Washington, D.C.) เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการย้ำถ้อยแถลงที่เขากล่าวในแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นักลงทุนเทน้ำหนัก 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนก.ย. ขานรับถ้อยแถลงของนายพาวเวล หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 93.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และให้น้ำหนัก 6.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ